การรอการลงโทษในคดีอาญา
อาจารย์พรเพ็ญ ไตรพงษ์
อาจารย์ประจำหลักสูตรนิติศาสตร์
ทุกๆ คนล้วนแล้วแต่เคยทำผิดพลาดมาแล้วด้วยกันทั้งสิ้น ด้วยแนวความคิดเช่นนี้ได้กลายมาเป็นบทบัญญัติที่สำคัญหนึ่งในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ว่าด้วยเรื่อง “การรอลงอาญา”หรือที่ภาษากฎหมายเรียกว่า “การรอการลงโทษ”
จากบทบัญญัติมาตรานี้ ทำไมมีข้อสงสัยว่า “รอแล้ว รออีกได้หรือไม่ ?” สำหรับข้อเท็จจริงแม้ว่าผู้กระทำความผิดจะเป็นคนเลวแค่ไหน อย่างไร การรอลงอาญา ดังที่มีข้อสงสัยว่าการรอลงอาญานั้น ถ้าผู้ที่อยู่ในระหว่างการรอลงอาญาได้กระทำความผิดอีก ศาลจะสังรอลงอาญาได้อีกหรือไม่ สิ่งที่จะตอบข้อสงสัยได้ดีที่สุด คือ หลักกฎหมาย ซึ่งหลักกฎหมายเกี่ยวกับเรื่อง “การรอการลงโทษ” หรือ “การรอลงอาญา” ตามประมวลกฎหมายอาญา มีหลักดังนี้ คือ ผู้นั้นกระทำความผิดซึ่งมีโทษจำคุก และในคดีนั้น ศาลจะลงโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ไม่ปรากฏว่าผู้นั้นได้รับโทษจำคุกมาก่อน หรือปรากฏว่าได้รับโทษจำคุกมาก่อน แต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ ซึ่งก็คือความผิดที่มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน
ศาลจะวินิจฉัยโดยคำนึ่งถึง อายุ ประวัติ ความประพฤติ สติปัญญา การศึกษาอบรม สุขภาพ ภาวะแห่งจิต นิสัย อาชีพ และสิ่งแวดล้อมของผู้นั้น หรือสภาพความผิด หรือเหตุอื่น อันควรปรานี เมื่อศาลเห็นสมควร ศาลจะพิพากษาว่า ผู้นั้นมีความผิดแต่รอการกำหนดโทษ หรือกำหนดโทษแต่รอการลงโทษไว้ก็ได้โดยที่การรอการลงอาญานั้น ผู้กระทำความผิดต้องไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน คำว่า “โทษจำคุก” ในที่นี้ หมายถึง การถูกจำคุกจริงๆ ถูกคุมขังในเรือนจำจริงๆ ฉะนั้นคำว่าได้รับโทษจำคุกในที่นี้ จึงไม่รวมถึงการรอลงอาญา แม้จะเป็นความผิดที่มีโทษจำคุกก็ตาม ทั้งนี้ศาลฎีกาได้เคยวินิจฉัยไว้แล้วว่า การรอลงอาญาไม่ถือว่าเป็นการได้รับโทษจำคุกมาก่อน ศาลจึงมีคำสั่งให้รอการลงโทษไว้อีกได้ ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1983/2497
ดังนั้น ผู้กระทำความผิดอาญาที่ถูกตัดสินให้จำคุกแต่ศาลสั่งรอลงอาญาไว้ เมื่อกระทำความผิดอีก ศาลอาจจะสั่งให้รอลงอาญาเอาไว้อีกก็ได้อย่างไร ก็ตาม ศาลจะพิจารณาโดยคำนึงถึงสภาพแวดล้อม และลักษณะของบุคคลนั้น ๆ ว่าสมควรจะรอการลงโทษไว้หรือไม่ เพราะลักษณะนิสัยของบางคนชอบกระทำความผิดอยู่เป็นประจำ อย่างนี้ศาลอาจจะไม่สั่งให้รอลงอาญาในคดีใหม่ และอาจจะยกเลิกการรอลงอาญาโหโนคดีเก่า แล้วนำโทษในคดีเก่ามารวมกับโทษในคดีใหม่ก็ได้ ซึ่งคนเราเมื่อทำผิดแล้วก็ควรที่
จะปรับปรุงตัว โดยนำความผิดพลาดในอดีตมาเป็นบทเรียน แต่ถ้าทำผิดแล้วยังไม่สำนึก และยังคงทำผิดอีกหลายครั้ง ก็เป็นการสมควรแล้วที่จะถูกลงโทษให้เข็ดหลาบ เพื่อจะได้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ผู้ที่คิดจะกระทำผิดต่อไปภายภาคหน้า